สัก
สัก ชื่อสามัญ Teak[1]
สัก ชื่อวิทยาศาสตร์ Tectona grandis L.f. จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (
LAMIACEAE หรือ
LABIATAE)
สมุนไพรสัก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ปีฮี ปีฮือ เป้อยี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ปายี้ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), เส่บายี้ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร), เคาะเยียโอ (ละว้า-เชียงใหม่) เป็นต้น[1]
หมายเหตุ : ต้นสักเป็นพรรณไม้พระราชทานประจำจังหวัดอุตรดิตถ์
Teak (ทีก) มาจากภาษาทมิฬคำว่า “เท็กกู” และเราสามารถแบ่งชนิดของต้นสักได้เป็น 3 ชนิด คือ ไม้สักทั่วไป (Tectona grandis) ซึ่งเป็นชนิดที่สำคัญที่สุด สามารถพบได้ในอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ และในแถบอินโดจีน รวมถึงประเทศไทยด้วย, ไม้สักดาฮัต (Tectona hamiltoniana) ชนิดนี้เป็นไม้ประจำถิ่นของพม่า, และไม้สักฟิลิปปินส์ (Tectona philippinensis) ซึ่งเป็นไม้ประจำถิ่นเช่นกัน และอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์
ไม้สัก
ในด้านการใช้ประโยชน์จากไม้สัก จะมีการแบ่งคุณลักษณะของไม้สักโดยพิจารณาจากสีของเนื้อไม้ ความแข็ง ความเหนียว และการตกแต่งของเนื้อไม้ ออกเป็น 5 ชนิด ได้แก่
- ไม้สักทอง – เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลทอง เสี้ยนไม้ตรง ตกแต่งได้ง่าย
- ไม้สักหิน – เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลหรือสีจาง ตกแต่งได้ง่าย
- ไม้สักหยวก – เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีจาง ตกแต่งได้ง่าย
- ไม้สักไข่ – เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลเข้มปนสีเหลืองและมีไขปนอยู่ ตกแต่งและทาสีได้ยาก
- ไม้สักขี้ควาย – เนื้อไม้เป็นสีเขียวปนสีน้ำตาล น้ำตาลดำดูเป็นสีเลอะ ๆ
สำหรับไม้สักที่นำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์จะแบ่งเป็น 3 เกรด คือ
- ไม้สักเกรดเอ หรือ ไม้เรือนเก่า – ไม้สักเกรดนี้จะได้มาจากการรื้อถอนจากบ้านเก่า มีราคาสูง ความชื้นต่ำ เพราะเนื้อไม้แห้ง สีค่อนข้างสวย ไม้จะหดตัวได้น้อยมาก และเนื้อไม้จะเป็นสีน้ำตาลทองเข้ม
- ไม้สักเกรดบี หรือ ไม้ออป. หรือ ไม้สักสวนป่า (“ออป.” ย่อมาจาก องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้) – จัดเป็นไม้สักที่มีคุณภาพดีพอสมควรเพราะปลูกในพื้นที่ภูเขา การหดตัวมีน้อย แก่นไม้เยอะกว่าไม้นส. สีเนื้อไม้เข้มกว่าไม้นส.
- ไม้สักเกรดซี หรือ ไม้นส. (“นส.” ย่อมาจาก หนังสือแสดงสิทธิทำกิน (นส.3)) – เป็นไม้สักที่มีปลูกในพื้นที่ของเอกชนหรือประชาชนทั่วไป ไม้มีคุณภาพปานกลาง มีกาดหดตัวมากกว่าไม้ออป. สีเนื้อไม้อ่อนออกเหลืองนวล และแก่นไม้มีน้อยกว่าไม้ออป.
หมายเหตุ : บางข้อมูลก็จัดให้ไม้เรือนเก่าเป็นไม้เกรด A+ ส่วนไม้ออป. เป็นไม้เกรด A และไม้นส. เป็นไม้เกรด B